 
                                    
                        ระบบการศึกษาของจีนวางแผนโดยรัฐบาลกลาง โดยมีกระทรวงศึกษาธิการจีนเป็นหน่วยงานหลักที่สำคัญที่สุดในการควบคุมดูแลระบบการศึกษา รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องของการบัญญัติ กฎหมาย กำหนดนโยบายและแผนงานด้านการศึกษา ดูแลและวางแผนการพัฒนาระบบการศึกษาจีน ปรับเปลี่ยนนโยบายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการศึกษา ให้เป็นแนวทางเดียว กันทั้งประเทศ การศึกษาภาคบังคับคือการศึกษาในระดับประถมศึกษา 6 ปี และมัธยมศึกษาตอนต้น 3 ปี รวมเป็น 9 ปี รัฐบาลจีนให้ความสำคัญต่อการรับชาวต่างชาติเข้ามาศึกษาในจีนอย่างมาก ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ปัจจุบันมีนัก เรียนจากประเทศไทยที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศจีนประมาณ 2,500 คน ระบบการศึกษา ประเทศจีนแบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่
1. การศึกษาขั้นพื้นฐาน: การศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายถึง การศึกษาในระดับประถมศึกษา (6 ปี) ระดับมัธยมต้นและมัธยมปลาย (6 ปี) เนื่องจากการศึกษาระดับประถมศึกษาเป็นการศึกษาภาคบังคับ ดังนั้นโรงเรียน ประถมโดยทั่วไปจะเป็นโรงเรียนของรัฐโดยจัดให้นักเรียนเข้าเรียนในโรงเรียน ใกล้บ้านรัฐบาลจีนพยายามที่จะพัฒนาให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกันในขณะเดียวกันก็พยายามที่จะสร้างศูนย์กลางการศึกษาในเขต พื้นที่ ชนบทการศึกษาระดับมัธยมต้นของจีนมีระยะเวลา 3 ปี
โรงเรียนมัธยมต้นในจีนส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนที่จัดตั้งโดยรัฐบาล เนื่องจากยังเป็นการศึกษาภาคบังคับ หลังจากจบการศึกษาระดับประถมศึกษาแล้ว นักเรียนต้องสอบเข้าเพื่อศึกษาต่อในระดับมัธยมต้นโดยโรงเรียนที่จะศึกษาต่อจะกำหนดจากที่อยู่และความต้องการ
โดยส่วนตัวของนักเรียนเองการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในจีนแบ่งออกเป็นมัธยม ปลายทั่วไป มัธยมปลายด้านวิชาชีพ และอาชีวศึกษา โดยการศึกษาระดับมัธยมปลายของจีนใช้เวลา 3 ปี และเป็นระดับการศึกษาที่ไม่บังคับ ดังนั้นนักเรียนจะต้องรับผิดชอบค่าเล่าเรียนเอง โรงเรียนมัธยมปลายในจีนส่วนใหญ่จะเป็นโรงเรียนของรัฐ แต่ก็มีบางส่วนที่เป็นโรงเรียน เอกชน ทั้งนี้การเข้าเรียนในระดับมัธยมปลายในจีนจำเป็นต้องสอบเข้า โดยดูจากระดับ คะแนนที่สอบได้
2. การศึกษาด้านวิชาชีพ: การศึกษาด้านวิชาชีพ หมายถึง โรงเรียนด้านวิชาชีพ รวมถึงหลักสูตรอบรมวิชาชีพระยะสั้น ปัจจุบันสถานการณ์การเติบโตของการศึกษาด้านอาชีพมีการเปลี่ยนแปลงคือ การศึกษาด้าน เศรษฐกิจการคลัง พลศึกษา ศิลปกรรม มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่วนการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ มีแนวโน้มลดลง
3. การศึกษาระดับอุดมศึกษา: หมายถึง การศึกษาระดับอนุปริญญา ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท รวมถึงการศึกษาระดับปริญญาเอก การศึกษาระดับอุดมศึกษาของจีนมีการพัฒนาอย่างต่อ เนื่อง ภายหลังปี 1981 เป็นต้นมา จีนได้เริ่มจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาตามแบบสากลทั่วไป ที่ชัดเจน โดยแบ่งเป็น 3 ระดับคือ ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก
ปัจจุบันมหาวิทยาลัยในจีนมีจำนวนประมาณ 3,000 แห่ง โดย 2 ใน 3 เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐและ 1 ใน 3 เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน การเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยของจีนจำเป็นต้องผ่านการสอบเข้าศึกษา โดยดูจากระดับคะแนนในการสอบ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในจีนส่วนใหญ่จะ เป็น มหาวิทยาลัยของรัฐ
4. การศึกษาผู้ใหญ่: หมายถึง การศึกษาประเภทต่างๆ ที่จัดขึ้นสำหรับผู้ใหญ่และผู้ไม่รู้หนังสือหรือ การศึกษาอื่นที่มีรูปแบบใกล้เคียงกัน การศึกษาผู้ใหญ่ในระดับสูงพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ในปี 1999 มีสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาสำหรับการศึกษาผู้ใหญ่จำนวน 871 แห่ง และยังมีอีก 800 กว่าแห่งที่เปิดการศึกษาทางไปรษณีย์ และการศึกษาภาคค่ำ
การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน HSK
การสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน HSK คือการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีนมาตรฐานสากลสำหรับผู้ที่ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาที่สอง
จัดโดยสำนักงานเผยแพร่ภาษาจีนระหว่างประเทศ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง สำนักงานกรุงเทพ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจัดสอบการวัดระดับความรู้ภาษาจีน HSK ในเขตกรุงเทพฯ
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 สำนักงานเผยแพร่ภาษาจีนระหว่างประเทศได้เปลี่ยนระบบการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน HSK เป็นระบบใหม่ โดยแบ่งการสอบออกเป็นสองส่วน คือ สอบข้อเขียน และ การพูด
การสอบ HSK ระบบใหม่
การสอบข้อเขียน แบ่งออกเป็น 6 ระดับดังนี้
การสอบพูด แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
♦ ระดับต้น
♦ ระดับกลาง
♦ ระดับสูง
ผู้ที่สมัครสอบข้อเขียนระดับ 4 ขึ้นไปสามารถสมัครสอบพูดได้ การสมัครสอบข้อเขียนและสอบพูด จะต้องสมัครสอบแยกกัน
ตารางเปรียบเทียบการสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน HSK ระบบใหม่และระบบเก่า
| HSK ระบบใหม่ | HSK ระบบใหม่ | HSK ระบบเก่า | 
| ระดับ 6 | ระดับสูง | ระดับสูง | 
| ระดับ 5 | ระดับกลาง | ระดับต้นกลาง | 
| ระดับ 4 | ระดับต้น | ระดับพื้นฐาน | 
| ระดับ 3 | - | - | 
| ระดับ 2 | - | - | 
| ระดับ 1 | - | - | 
ประโยชน์ของการสอบ HSK
 
 เนื้อหาการสอบHSKของแต่ละระดับ
 ระดับที่ 1 มีข้อสอบทั้งหมด 40 ข้อ แบ่งออกเป็น ฟังเข้าใจ และ อ่านเข้าใจ
| เนื้อหาข้อสอบ | จำนวนข้อสอบ | เวลาสอบ (นาที) | 
| 1. ฟังเข้าใจ | 20 ข้อ | ประมาณ 15 นาที | 
| 2. อ่านเข้าใจ | 20 ข้อ | 15 นาที | 
| เขียนคำตอบลงกระดาษคำตอบ | 5 นาที | |
| รวม | 40 ข้อ | ประมาณ 35 นาที | 
| รวมเวลากรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้สอบอีก 5 นาที เป็น 40 นาที | ||
หมายเหตุ คะแนนเต็มหัวข้อละ 100 คะแนน คะแนนรวม 120 จากคะแนนเต็ม 200 ถือว่าสอบผ่าน ระยะเวลาของผลสอบคือ 2 ปี นับจากวันที่สอบ
 ระดับที่ 2 มีข้อสอบทั้งหมด 60 ข้อ แบ่งออกเป็น ฟังเข้าใจ และ อ่านเข้าใจ
| เนื้อหาข้อสอบ | จำนวนข้อสอบ | เวลาสอบ (นาที) | 
| 1. ฟังเข้าใจ | 35 ข้อ | ประมาณ 25 นาที | 
| 2. อ่านเข้าใจ | 25 ข้อ | 20 นาที | 
| เขียนคำตอบลงกระดาษคำตอบ | 5 นาที | |
| รวม | 60 ข้อ | ประมาณ 50 นาที | 
| รวมเวลากรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้สอบอีก 5 นาที เป็น 55 นาที | ||
หมายเหตุ คะแนนเต็มหัวข้อละ 100 คะแนน คะแนนรวม 120 จากคะแนนเต็ม 200 ถือว่าสอบผ่าน ระยะเวลาของผลสอบคือ 2 ปี นับจากวันที่สอบ 
 
 ระดับที่ 3 มีข้อสอบทั้งหมด 80 ข้อ แบ่งออกเป็น ฟังเข้าใจ อ่านเข้าใจ และการเขียน
| เนื้อหาข้อสอบ | จำนวนข้อสอบ | เวลาสอบ (นาที) | 
| 1. ฟังเข้าใจ | 40 ข้อ | ประมาณ 35 นาที | 
| 2. อ่านเข้าใจ | 30 ข้อ | 25 นาที | 
| 3. การเขียน | 10 ข้อ | 15 นาที | 
| เขียนคำตอบลงกระดาษคำตอบ | 10 นาที | |
| รวม | 80 ข้อ | ประมาณ 85 นาที | 
| รวมเวลากรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้สอบอีก 5 นาที เป็น 90 นาที | ||
หมายเหตุ คะแนนเต็มหัวข้อละ 100 คะแนน คะแนนรวม 180 จากคะแนนเต็ม 300 ถือว่าสอบผ่าน ระยะเวลาของผลสอบคือ 2 ปี นับจากวันที่สอบ 
 
 ระดับที่ 4 มีข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ แบ่งออกเป็น ฟังเข้าใจ อ่านเข้าใจ และการเขียน
| เนื้อหาข้อสอบ | จำนวนข้อสอบ | เวลาสอบ (นาที) | 
| 1. ฟังเข้าใจ | 45 ข้อ | ประมาณ 30 นาที | 
| 2. อ่านเข้าใจ | 40 ข้อ | 35 นาที | 
| 3. การเขียน | 15 ข้อ | 25 นาที | 
| เขียนคำตอบลงกระดาษคำตอบ | 10 นาที | |
| รวม | 100 ข้อ | ประมาณ 100 นาที | 
| รวมเวลากรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้สอบอีก 5 นาที เป็น 105 นาที | ||
หมายเหตุ คะแนนเต็มหัวข้อละ 100 คะแนน คะแนนรวม 180 จากคะแนนเต็ม 300 ถือว่าสอบผ่าน ระยะเวลาของผลสอบคือ 2 ปี นับจากวันที่สอบ 
 
 ระดับที่ 5 มีข้อสอบทั้งหมด 100 ข้อ แบ่งออกเป็น ฟังเข้าใจ อ่านเข้าใจ และการเขียน
| เนื้อหาข้อสอบ | จำนวนข้อสอบ | เวลาสอบ (นาที) | 
| 1. ฟังเข้าใจ | 45 ข้อ | ประมาณ 30 นาที | 
| 2. อ่านเข้าใจ | 45 ข้อ | 40 นาที | 
| 3. การเขียน | 10 ข้อ | 40 นาที | 
| เขียนคำตอบลงกระดาษคำตอบ | 10 นาที | |
| รวม | 100 ข้อ | ประมาณ 120 นาที | 
| รวมเวลากรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้สอบอีก 5 นาที เป็น 125 นาที | ||
หมายเหตุ คะแนนเต็มหัวข้อละ 100 คะแนน คะแนนรวม 180 จากคะแนนเต็ม 300 ถือว่าสอบผ่าน ระยะเวลาของผลสอบคือ 2 ปี นับจากวันที่สอบ 
 
 ระดับที่ 6 มีข้อสอบทั้งหมด 101 ข้อ แบ่งออกเป็น ฟังเข้าใจ อ่านเข้าใจ และการเขียน
| เนื้อหาข้อสอบ | จำนวนข้อสอบ | เวลาสอบ (นาที) | 
| 1. ฟังเข้าใจ | 50 ข้อ | ประมาณ 35 นาที | 
| 2. อ่านเข้าใจ | 50 ข้อ | 45 นาที | 
| 3. การเขียน | 1 ข้อ | 45 นาที | 
| เขียนคำตอบลงกระดาษคำตอบ | 10 นาที | |
| รวม | 101 ข้อ | ประมาณ 135 นาที | 
| รวมเวลากรอกข้อมูลส่วนตัวของผู้สอบอีก 5 นาที เป็น 140 นาที | ||
หมายเหตุ คะแนนเต็มหัวข้อละ 100 คะแนน คะแนนรวม 180 จากคะแนนเต็ม 300 ถือว่าสอบผ่าน ระยะเวลาของผลสอบคือ 2 ปี นับจากวันที่สอบ
ตารางเปรียบเทียบระดับ HSK ระหว่างระบบเก่า และระบบใหม่
| HSK ระบบเก่า | HSK ระบบใหม่ | 
| ระดับ 11 - 9 | ระดับ 6 | 
| ระดับ 6 - 8 | ระดับ 5 | 
| ระดับ 3 - 5 | ระดับ 4 | 
| ระดับ 1 - 2 | - |